โครงการ “การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
(e-book) เพื่อการศึกษา”
โครงการ “การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เพื่อการศึกษา”
วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
บทที่ 5 สรุปผลการศึกษาค้นคว้า อภิปรายและเสนอแนะ
บทที่ 5
สรุปผลการศึกษาค้นคว้า
อภิปรายและเสนอแนะ
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการศึกษา สมมุติฐานของการศึกษา วิธีการดำเนินการศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลและการอภิปรายผลการศึกษาและข้อเสนอแนะดังนี้
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1. วัตถุประสงค์ทั่วไป
เพื่อพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง
กราฟิกเบื้องต้น
2. วัตถุประสงค์เฉพาะ
2.1
เพื่อสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
เรื่องกราฟิกเบื้องต้น
2.2
เพื่อหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้นให้ได้ประสิทธิภาพตาม เกณฑ์ที่กำหนด (80/80)
สมมุติฐานของการศึกษา
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด
(80/80)
ขอบเขตของการศึกษา
การศึกษาครั้งนี้ มุ่งพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
และเพื่อให้การศึกษาเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผู้ศึกษาได้กำหนดขอบเขตการวิจัย ดังนี้
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
1. ประชากร
ประชากรเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา
คณะศึกษาศาสตร์จำนวน 100 คน
2. กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา
คณะศึกษาศาสตร์จำนวน 100 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีจับสลากกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว
แบบกลุ่มและภาคสนาม ดังนี้
2.1
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบ
แบบ เดี่ยว จำนวน 3 คน
2.2
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
แบบกลุ่ม จำนวน 9 คน
2.3
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
แบบภาคสนาม จำนวน 30 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
1.
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
2.
แบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
3.
แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ตัวแปรที่ศึกษา
การวิจัยครั้งนี้มีตัวแปรที่ศึกษา 2 ตัวคือ
4.1 ตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระ คือ ประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องกราฟิกเบื้องต้นที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
4.2 ตัวแปรตาม คือ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่ได้เรียนเนื้อหาจาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
สรุปผลการค้นคว้า
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
เรื่องกราฟิกเบื้องต้น
มีประสิทธิภาพเท่ากับ 90.92/96.67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
การอภิปรายผล
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะพัฒนาและหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องกราฟิกเบื้องต้น ให้ได้ประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถอภิปรายได้ดังนี้
จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
เรื่องกราฟิกเบื้องต้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 90.92/96.67
ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานของการวิจัยที่ได้ตั้งไว้
สอดคล้องกับวิจัยของ คลีเมนท์ (Clement,1993, quoted in Coutts and Hart,2009 : 19)
ที่ได้พัฒนาซีดีรอมมัลติมีเดียวิชาศิลปะขึ้น และได้รับผลสำเร็จมากในการทดลอง ซึ่งข้อค้นพบนี้สอดคล้องกับการวิจัยของเกษมศรี
พรหมภิบาล (2543 :บทคัดย่อ) ที่ได้ศึกษาผลของการสอนวิชาการออกแบบ 1
ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟิก
พบว่าผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ และสอดคล้องกับกาการวิจัยของบาร์กเกอร์และกิลเลอร์
ที่ได้ศึกษาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบมัลติมีเดียแบบปฏิสัมพันธ์เพื่อการสอนภาษาฝรั่งเศสเปรียบเทียบกับการสอนวิธีอื่นๆซึ่งได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ นอกจากนั้น
ศิริยงค์ ฉัตรโท (2539 : บทคัดย่อ) ได้สรุปในงานวิจัยของเขาว่า การสร้างสื่อนำเสนอแบบอินเตอร์แอคทีฟ
แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
หากจะมาวิเคราะห์กันว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
เรื่องกราฟิกเบื้องต้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 จะได้ว่า
ประการที่ 1
มีการใช้ตัวอักษรและพื้นหลังที่เหมาะสม
กล่าวคือ ในส่วนของเนื้อหา ผู้วิจัยได้ใช้ตัวอักษร เจ เอส จินดารา ขนาด 20
พอยน์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับตัวอักษร Anssana UPC สามารถอ่านง่าย สบายตา
ประการที่ 2
ผู้วิจัยได้มีการจัดหน้าจอให้อยู่ในแนวทางเดียวกัน เพื่อป้องกันมิให้ผู้อื่นเกิดความสับสน โดยมีหน้าจอ 2 รูปแบบ
คือหน้าจอปกติและหน้าจอไฮเปอร์เท็กซ์
ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ประการที่ 3
ได้มีการออกแบบบทเรียนในลักษณะที่มีการเชื่อมโยงแบบไฮเปอร์เท็กซ์ทำให้บทเรียนไม่น่าเบื่อ ผู้เรียนจะต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนอย่าสม่ำเสมอ ทำให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียน (ถนอมพร
เลาหจรัสแสง,2541 : 62)
ประการที่ 4
ในการออกแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
เรื่องกราฟิกเบื้องต้น
ผู้วิจัยได้ออกแบบอยู่บนพื้นฐานจิตวิทยาแรงจูงใจ โดยใช้ไฮเปอร์เท็กซ์และแบบทดสอบเป็นแรงจูงใจในการเรียน จาดพื้นฐานการอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์
ก่อให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการอยากรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีสิ่งที่แนะ (cue) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมต่างๆ ขึ้น (ธีรพงษ์ วิริยานนท์,2543 : 46; มาลินี จุฑะรพ,2539 : 138; ไพบูลย์
เทวรักษ์,2537 : 113-115;โสภา
ชูพิกุลชัย,2521 : 56-62)
จากหลักการดังกล่าวข้างต้น
ประกอบกับขั้นตอนการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ อย่างมีระบบ
ตั้งแต่การศึกษาวิเคราะห์หลักสูตรเนื้อหาวิชา 263-201 เทคโนโลยีการศึกษา
การเขียนแผนการสอน
การจัดทำสตอรีบอร์ด
และการตรวจสอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญรวมไปถึงแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผ่านการตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ค่าความยากง่าย และค่าอำนาจจำแนกแล้ว ทำให้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
เรื่องกราฟิกเบื้องต้น
ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
สามารถนำไปประกอบการเรียนการสอนในรายวิชา
263-201 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย
1.1
การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีจำนวนหน้ามากๆด้วยโปรแกรม Adobe Acrobat จะ มีจำนวนการเชื่อมโยง
(Link) มากตามไปด้วย
ทำให้เสียเวลาค่อนข้างมาก
และเกิดการผิดพลาดได้ ง่ายจึงควรสร้างเป็นเทมเพลท
ที่เชื่อมโยงกันไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยเลือกการสร้างแบบ EXECUTE MENU ITEM เมื่อใช้งานจริงให้ใช้คำสั่ง
DOCUMENT REPLACE PAGES เพื่อแทนที่เทมเพลทที่ สร้างไว้
จะทำให้ประหยัดเวลาลงได้มาก
1.2
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะใช้เปิดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หากมีโปรแกรม Adobe
Acrobat 5 อยู่ควรถอนโปรแกรม (Uninstll) ออกก่อน
แล้ว Restat เครื่องใหม่ก่อนที่จะลงโปรแกรม
Adobe Acrobat 4 gเพื่อความสมบูรณ์ของโปรแกรม
2.
ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป
2.1
ควรมีการวิจัยเปรียบเทียบรูปแบบการบันทึกใจความสำคัญในรูปแบบต่างๆได้แก่ การ ทำเครื่องหมายลงบนใจความสำคัญโดยตรง, การให้ผู้เรียนคัดลอกหรือพิมพ์ใจความสำคัญลงใน โปรแกรม (NOTEPAD) และการคัดลอกลงกระดาษ เป็นต้น
ว่าจะส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน หรือไม่
2.2
ควรมีการเปลี่ยนสื่อที่ใช้ในการวิจัยหนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์จากซีดีรอมไปเป็น อินเตอร์เน็ตบ้าง
บทที่ 4 ผลการศึกษาค้นคว้า
บทที่ 4
ผลการศึกษาค้นคว้า
การดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้ในการวิจัยครั้งนี้
ผู้วิจัยได้ดำเนินการทดลองเชิงปฏิบัติการ ดังนี้
1.
นำหนังสือขอความร่วมมือในการทำการวิจัยจากคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ส่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
เพื่อขออนุญาตและประสานงานในการทำวิจัยในโรงเรียนทดลองเครื่องมือ
2.
การดำเนินการหาคุณภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเพื่อทบทวนโดยการประเมินตามแบบประเมินสำหรับผู้ทรงคุณวุฒิ
โดยนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนให้ผู้ทรงคุณวุฒิทดลองใช้และตอบแบบประเมิน
นำผลที่ได้ไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ
3.
การดำเนินการทดลองโดยนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไปใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างตามแบบแผนการทดลองแบบกลุ่มเดียว
มีการวัดก่อนและหลังให้สิ่งทดลอง ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
3.1
ผู้วิจัยชี้แจงวิธีการทำแบบทดสอบเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน (Pre-test)
3.2 ให้นักเรียนทำแบบทดสอบเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน
3.3
ผู้วิจัยชี้แจงวิธีการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
3.4
ให้ผู้เรียนดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยตนเองเมื่อเสร็จการเรียนในแต่ละหน่วยให้นักเรียนทำแบบทดสอบระหว่างเรียน
3.5 เมื่อเสร็จสิ้นการเรียนหมดทุกหน่วยการเรียนแล้ว
ให้นักเรียนทำแบบทดสอบเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน
3.6 นำผลที่ได้ไปวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูล
ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยดังนี้
1. การวิเคราะห์หาคุณภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้านเนื้อหา
และด้านเทคนิคการผลิตสื่อ ใช้สถิติ ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S)
2. การคำนวณหาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เรื่องการสร้าง E-Book ด้วยโปรแกรม FlipAlbum สำหรับ ใช้สูตร E1/E2
3. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เรื่องการสร้าง E-Book ด้วยโปรแกรม FlipAlbum ก่อนเรียนกับหลังเรียน
ใช้สถิติการทดสอบทีแบบสองกลุ่มไม่เป็นอิสระต่อกัน (Dependent
Samples t-test)
ผลการวิจัย
1. ผลการวิเคราะห์หาคุณภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้านเนื้อหา
และด้านเทคนิคการผลิตสื่อ เรื่องการสร้าง E-Book ด้วยโปรแกรม FlipAlbum แสดงดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 คุณภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เรื่องการสร้าง E-Book ด้วยโปรแกรม FlipAlbum
คุณภาพ
|
|
S
|
ระดับคุณภาพ
|
ด้านเนื้อหาของบทเรียน
|
4.41
|
0.25
|
ดี
|
ด้านเทคนิคการผลิตสื่อ
|
4.63
|
0.29
|
ดีมาก
|
รวม
|
4.54
|
0.35
|
ดีมาก
|
จากตารางที่ 1
พบว่า บทเรียนมีคุณภาพด้านเนื้อหาอยู่ในระดับดี (
= 4.41) และด้านเทคนิคการผลิตสื่ออยู่ในระดับดีมาก ( = 4.63) โดยรวมบทเรียนคุณภาพอยู่ในระดับดีมาก( = 4.54)
2. ผลการหาประสิทธิภาพของของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เรื่องการสร้าง E-Book ด้วยโปรแกรม FlipAlbum ista Pro 7.0 แสดงดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 ประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เรื่องการสร้าง E-Book ด้วยโปรแกรม FlipAlbum
ผลการทดลอ ง
|
จำนวนนักเรียน
|
คะแนน
|
ค่าเฉลี่ยร้อยละ
|
|
คะแนนเต็ม
|
คะแนนเฉลี่ย
|
|||
ระหว่างเรียน ( E1 )
|
30
|
20
|
16.20
|
81.00
|
หลังเรียน
( E2 )
|
30
|
24.63
|
82.11
|
จากตารางที่ 2
พบว่า บทเรียนมีประสิทธิภาพของกระบวนการ/ประสิทธิภาพของผลผลิต (E1/E2) เท่ากับ 81.00/82.11
3. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียน
กับหลังเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่องการสร้าง E-Book ด้วยโปรแกรม FlipAlbum แสดงดังตารางที่ 3
ตารางที่ 3 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียน
กับหลังเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่องการสร้าง E-Book ด้วยโปรแกรม FlipAlbum
คะแนน
(เต็ม
30)
|
n
|
|
S
|
t
|
Sig
|
ก่อนเรียน
|
30
|
14.30
|
4.79
|
-13.09
|
0.000
|
หลังเรียน
|
30
|
24.63
|
2.17
|
จากตารางที่ 3 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)